คำถามเกี่ยวกับทูตสวรรค์และวิญญาณชั่ว



คำถามเกี่ยวกับทูตสวรรค์และวิญญาณชั่ว





คำถามเกี่ยวกับทูตสวรรค์และวิญญาณชั่ว

พระคัมภีร์พูดเกี่ยวกับทูตสวรรค์ว่าอย่างไร?




คำถาม: พระคัมภีร์พูดเกี่ยวกับทูตสวรรค์ว่าอย่างไร?

คำตอบ:
ทูตสวรรค์คือสิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณ มีความฉลาด มีอารมณ์ และ เจตนารมณ์ ทูตสวรรค์มีทั้งดีและชั่วร้าย ทูตสวรรค์มีความฉลาด (มัทธิว 8:29; 2 โครินธ์ 11:3; 1 เปโตร 1:12) มีการแสดงออกทางอารมณ์ (ลูกา 2:13; ยากอบ 2:19; วิวรณ์ 12:17) และเจตนารมณ์ (ลูกา 8:28-31: 2 ทิโมธี 2:26; ยูดา 6) 1:14 ทูตสวรรค์เป็นวิญญาณ (ฮีบรู 1:14) ที่ไม่มีรูปร่าง แต่การไม่มีรูปร่างไม่ได้หมายถึงว่าทูตสวรรค์ไม่มีตัวตน (เช่นเดียวกับพระเจ้า)

ความรอบรู้ของทูตสวรรค์มีความจำกัดเพราะทูตสวรรค์เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา ซึ่งหมายความว่าเหล่าทูตสวรรค์ไม่ได้รอบรู้ไปหมดทุกอย่างเหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงรอบรู้ ((มัทธิว 24:36) แต่ดูเหมือนว่าทูตสวรรค์จะมีความรอบรู้มากกว่ามนุษย์ นี่อาจเป็นเพราะสาเหตุสามอย่าง คือ 1) ทูตสวรรค์ถูกสร้างขึ้นมาในจักรวาลให้อยู่ในระดับสูงกว่ามนุษย์ ดังนั้นเหล่าทูตสวรรค์จึงมีความรู้ที่มากกว่าโดยปริยาย 2) ทูตสวรรค์ศึกษาพระคัมภีร์และโลกอย่างละเอียดกว่ามนุษย์มากจึงได้รับสติปัญญาจากการศึกษานั้น (ยากอบ 2:19; วิวรณ์ 12:12) 3) ทูตสวรรค์ได้รับสติปัญญาจากการเฝ้าดูกิจกรรมของมนุษย์มาเป็นเวลาช้านาน ทูตสวรรค์ไม่จำเป็นที่จะต้องศึกษาอดีตเหมือนมนุษย์; ทูตสวรรค์เรียนรู้ประสบการณ์เหล่านั้นมาแล้วจึงรู้ว่าคนอื่น ๆ มีปฏิกิริยาหรือตอบโต้อย่างไรในสถานการณ์นั้น ๆ และสามารถทำนายค่อนข้างจะถูกต้องว่าเราจะมีปฏิกิริยาอย่างไรในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน

แม้ว่าทูตสวรรค์จะมีเจตนารมณ์ แต่พวกเขาก็ต้องจำนนต่อเจตนารมณ์ของพระเจ้าเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่พระองค์ทรงสร้าง ทูตสวรรค์ที่ดีถูกพระเจ้าส่งมาให้ช่วยผู้เชื่อ (ฮีบรู 1:14) กิจกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้คือกิจกรรมที่พระคัมภีร์บอกว่าเป็นกิจกรรมของทูตสวรรค์:

ก. สรรเสริญพระเจ้า (สดุดี 148:1,2; อิสยาห์ 6:3)
ข. นมัสการพระเจ้า (ฮีบรู 1:6; วิวรณ์ 5:8-13)
ค. ชื่นชมยินดีในสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ (โยบ 38:6-7)
ง. ปรนนิบัติพระเจ้า (สดุดี 103:20; วิวรณ์ 22:9)
จ. ปรากฏอยู่จำเพาะพระพักตร์ของพระเจ้า (โยบ 1:6; 2:1)
ฉ. เป็นเครื่องมือที่พระเจ้าทรงใช้ในการพิพากษา (วิวรณ์ 7:1; 8:2)
ช. นำคำตอบสำหรับคำอธิษฐานมาให้ (กิจการ 12:5-10)
ซ. ช่วยในการนำคนมาหาพระคริสต์ (กิจการ 8:26; 10:3)
ฌ. เฝ้าติดตามความเป็นระเบียบเรียบร้อย, การงาน, และความทุกข์ยากของคริสเตียน
ญ. หนุนใจในยามอันตราย (กิจการ 27:23,24)
ฎ. ดูแลผู้ชอบธรรมในยามที่เขาเสียชีวิต (ลูกา 16:22)

ทูตสวรรค์เป็นสิ่งที่ทรงสร้างที่แตกต่างไปจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง มนุษย์ไม่ได้กลายเป็นทูตสวรรค์เมื่อเสียชีวิต ทูตสวรรค์ไม่มีวันและไม่เคยเป็นมนุษย์ พระเจ้าทรงสร้างทูตสวรรค์เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ ไม่มีที่ไหนในพระคัมภีร์ที่กล่าวว่าทูตสวรรค์ถูกสร้างขึ้นมาตามพระฉายของพระเจ้าดังที่ได้ทรงสร้างมนุษย์ (ปฐมกาล 1:26) ทูตสวรรค์เป็นสิ่งมีชีวิตและจิตวิญญาณที่สามารถมีตัวตนได้ในระดับหนึ่ง มนุษย์มีตัวตนและมีจิตวิญญาณ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราสามารถเรียนรู้จากทูตสวรรค์ได้ คือ พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าอย่างทันทีทันใดโดยไม่มีคำถาม





พระคัมภีร์พูดเกี่ยวกับทูตสวรรค์ว่าอย่างไร?

พระคัมภีร์พูดเกี่ยวกับผีมารไว้ว่าอย่างไรบ้าง?




คำถาม: พระคัมภีร์พูดเกี่ยวกับผีมารไว้ว่าอย่างไรบ้าง?

คำตอบ:
วิวรณ์ 12:9 เป็นข้อพระคัมภีร์ที่บอกเกี่ยวกับผีมารไว้อย่างชัดเจนที่สุด “พญานาคใหญ่ซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตาน ผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลกก็ถูกผลักทิ้งลงไป พญานาคและบริวารของมันก็ถูกผลักทิ้งลงไปในแผ่นดินโลก” พระคัมภีร์บอกว่าผีมารคือพวกทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาป - ทูตสวรรค์รวมถึงซาตานที่กบฏต่อพระเจ้า – พระคัมภีร์พูดถึงเรื่องการที่ซาตานถูกผลักตกลงมาจากสวรรค์ไว้ในหนังสือ อิสยาห์ 14:12-15 และ เอเสเคียล 28:12-15 หนังสือ วิวรณ์ 12:4 พูดเหมือนกับว่าซาตานดึงเอาทูตสวรรค์หนึ่งในสามมากับมันด้วยตอนที่มันทำบาป หนังสือยูดาห์ข้อ 6 พูดถึงทูตสวรรค์ที่ทำบาป ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้ว่าผีมารคือทูตสวรรค์ที่ทำตามอย่างซาตานโดยการทำบาปกับพระเจ้า

ตอนนี้ ซาตานและสมุนที่ชั่วร้ายของมันกำลังคอยจ้องที่จะทำลายและหลอกลวงผู้ที่ติดตามพระเจ้าและนมัสการพระองค์ (1 เปโตร 5:8; 2 โครินธ์ 11:14-15) ผีมารถูกอธิบายว่าเป็นวิญญาณชั่ว (มัทธิว 10:1) ผีโสโครก (มาระโก 1:27) และทูตของซาตาน (วิวรณ์ 12:9) ซาตานและสมุนของมันล่อลวงโลก (2 โครินธ์ 4:4), โจมตีคริสเตียน (2 โครินธ์ 12:7; 1 เปโตร 5:8) และทำสงครามกับทูตสวรรค์ที่ดี (วิวรณ์ 12:4-9) ผีมารเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีรูปร่าง แต่มันสามารถปลอมตัวให้เห็นเป็นรูปร่างได้ (2 โครินธ์ 11:14-15) ผีมาร/ทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปเป็นศัตรูของพระเจ้า – แต่เป็นศัตรูที่แพ้ไปเรียบร้อยแล้ว พระองค์ผู้สถิตอยู่ในท่านทั้งหลายเป็นใหญ่กว่าผู้นั้นที่อยู่ในโลก (1 ยอห์น 4:4)





พระคัมภีร์พูดเกี่ยวกับผีมารไว้ว่าอย่างไรบ้าง?

ซาตานคือใคร?




คำถาม: ซาตานคือใคร?

คำตอบ:
ความเชื่อของคนเกี่ยวกับซาตานมีตั้งแต่ไม่เป็นเรื่องไปถึงเป็นเรื่องที่ต้องนำมาขบคิด คือ จากการเป็นคนตัวเล็ก ๆ สีแดงมีเขา นั่งอยู่บนไหล่ท่านคอยชวนให้ท่านทำบาป ไปจนถึงการสื่อความหมายว่ามันเป็นตัวแห่งความชั่วร้าย แต่พระคัมภีร์บอกเราชัดเจนว่าซาตานเป็นใคร, และมันมีผลต่อชีวิตของเราอย่างรา ง่าย ๆ พระคัมภีร์บอกว่าซาตานเป็นทูตสวรรค์ที่หลุดจากตำแหน่งของมันในสวรรค์อันเนื่องมาจากความบาป และในตอนนี้มันอยู่มุมตรงข้ามกับพระเจ้าเต็มที่ ทำทุกสิ่งเท่าที่อำนาจของมันจะทำได้เพื่อขัดขวางพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษยชาติ

ซาตานถูกสร้างขึ้นมาในตอนแรกในฐานะทูตสวรรค์ที่บริสุทธิ์ หนังสืออิสยาห์ 14:12 บอกว่าก่อนที่มันจะล้มลงในความบาปมันมีชื่อว่าลูซิเฟอร์ หนังสือเอเสเคียล 28:12-14 บอกว่าซาตานถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นเครูป, และเป็นทูตสวรรค์ระดับสูงสุดที่พระเจ้าได้ทรงสร้าง แต่มันเกิดหลงรูปงามและฐานะของตัวเองจนเกิดความทะนงตนขึ้นมา และตัดสินใจว่ามันอยากจะนั่งบนพระบัลลังก์อยู่สูงสุดซึ่งเป็นของพระเจ้า (อิสยาห์ 14:13-14; เอเสเคียล 28:15; 1 ทิโมธี 3:6) ความยโสของมันทำให้มันล้มลงในความบาป จงสังเกตคำว่า “ข้าจะ…” ในหนังสืออิสยาห์ 14:12-15 เพราะความบาปของมันพระเจ้าจึงทรงโยนมันออกจากสวรรค์

ซาตานกลายเป็นผู้ครอบครองโลกนี้ซึ่งเดินออกห่างจากพระเจ้า และเจ้าแห่งย่านฟ้าอากาศ (ยอห์น 12:31; 2 โครินธ์ 4:4; เอเฟซัส 2:2) มันเป็นผู้กล่าวโทษ (วิวรณ์ 12:10), ผู้ล่อใจให้ชั่ว (มัทธิว 4:3; 1 เธสะโลนิกา 3:5), และผู้ล่อลวง (ปฐมกาล 3; 2 โครินธ์ 4:4; วิวรณ์ 20:3) ความหมายที่แท้จริงของชื่อของมันคือปรปักษ์ หรือ “ผู้ซึ่งเป็นศัตรู” อีกชื่อหนึ่งที่ซาตานถูกเรียก คือ ผีมาร ซึ่งหมายความว่า “ผู้ใส่ร้าย”

แม้ว่ามันจะถูกขับออกจากสวรรค์, มันก็ยังพยายามยกบัลลังก์ของมันให้สูงกว่าของพระเจ้า มันลอกเลียนทุกอย่างที่พระเจ้าทรงกระทำ ด้วยหวังที่จะได้รับการนมัสการจากมนุษย์และทำให้อาณาจักรของพระเข้าปั่นป่วน ซาตานคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังลัทธิเทียมเท็จและศาสนาของโลกทุกศาสนาตัวจริง มันจะทำทุกอย่างเท่าที่มันมีอำนาจที่จะทำได้เพื่อต่อต้านพระเจ้า และคนที่ติดตามพระองค์ แต่จุดหมายปลายทางของมันได้ถูกประทับตราไว้แล้ว นั่นคือ บึงไฟนรกชั่วนิรันดร์ (วิวรณ์ 20:10)





ซาตานคือใคร?

พระคัมภีร์พูดว่าอย่างไรเกี่ยวกับการถูกผีมารครอบงำ/โดนผีมารครอบงำ?




คำถาม: พระคัมภีร์พูดว่าอย่างไรเกี่ยวกับการถูกผีมารครอบงำ/โดนผีมารครอบงำ?

คำตอบ:
พระคัมภีร์มีตัวอย่างสองสามตัวอย่างเกี่ยวกับคนถูกผีมารครอบงำหรือตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผีมาร จากตรงนี้เราจะมาดูกันถึงอาการบางอย่างของคนที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผีมาร และจะได้รู้ว่าผีมารเข้าครอบงำผู้คนได้อย่างไรพร้อมกันไป ต่อไปนี้เป็นข้อพระคัมภีร์บางข้อ( มัทธิว 9:32-33; 12:22; 17:18; มาระโก 5:1-20; 7:26-30; ลูกา 4:33-36; ลูกา 22:3; กิจการ 16:16-18) จากข้อพระคัมภีร์บางข้อเราจะเห็นว่าการถูกครอบงำโดยผีมารก่อให้เกิดอาการผิดปกติทางร่างกาย, เช่น พูดไม่ได้ เป็นลมชัก มองไม่เห็น ฯลฯ ในบางกรณีมันจะทำให้คน ๆ นั้นทำสิ่งที่ชั่วร้าย, ยูดาสเป็นตัวอย่างสำคัญตัวอย่างหนึ่ง ในหนังสือกิจการ 16:16-18 วิญญาณชั่วดูเหมือนว่าจะทำให้ทาสหญิงคนหนึ่งรู้บางสิ่งบางอย่างเหนือความสามารถของเธอเอง ในกรณีของคนที่ถูกผีกลุ่มใหญ่สิงที่แดนกาดารา เขามีกำลังเหนือธรรมชาติ เดินแก้ผ้าไปทั่ว และอาศัยอยู่ในอุโมงค์ฝังศพ ส่วนกษัตริย์ซาอูลหลังจากที่ทรงกบฏต่อพระเจ้า วิญญาณชั่วก็ได้รับอนุญาตให้ทรมานพระองค์(1 ซามูเอล 16:14-15; 18:10-11; 19:9-10) พระอาการที่มองเห็นได้คือทรงมีอารมณ์หงุดหงิด อยากและพร้อมที่จะฆ่าดาวิดได้ทุกเมื่อ

ยังมีอาการอีกมากมายของการถูกครอบงำโดยวิญญาณชั่ว เช่น การมีอาการผิดปกติทางร่างกายที่ไม่ได้มาจากปัญหาทางร่างกายตามปกติ, บุคลิกภาพเปลี่ยนไป เช่น มีอารมณ์หดหู่มากผิดปกติ หรือ ก้าวร้าวอย่างไม่มีเหตุผล, มีกำลังมากเกินปกติ, ไม่อาย, หรือ วางตัวในสังคมอย่าง “ปกติ” ไม่ได้ หรือบางทีก็สามารถให้ข้อมูลที่โดยปกติคนอื่นไม่สามารถรู้ได้ มันเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องรู้ว่าอาการเหล่านี้ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดอาจมีคำอธิบายอย่างอื่นได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะไม่ตัดสินโดยทันทีว่าคนที่มีความรู้สึกหดหู่ หรือเป็นโรคลมชัก จะต้องถูกครอบงำโดยผีมาร แต่ข้าพเจ้าคิดว่าวัฒนธรรมตะวันตกไม่ค่อยเห็นว่าการเข้ามาเกี่ยวข้องของมารซาตานในชีวิตผู้คนเป็นเรื่องใหญ่นัก

นอกจากอาการทางร่างกายและอารมณ์ที่แปลกไปแล้ว เราสามารถสังเกตอาการของคนที่ถูกวิญญาณชั่วเข้าครอบงำได้จากอาการทางจิตวิญญาณด้วย อาการเหล่านี้อาจจะเป็นการไม่ยอมยกโทษ (2 โครินธ์ 2:10-11) และการเชื่อในคำสอนที่ผิด, โดยเฉพาะคำสอนที่เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และการถวายพระองค์เป็นเครื่องไถ่บาป (2 โครินธ์ 11:3-4,13-15; 1 ทิโมธี 4:1-5; 1 ยอห์น 4:1-3).

เมี่อพูดเกี่ยวกับการเข้าไปเกี่ยวข้องกับผีมารในชีวิตของคริสเตียน อัครทูตเปโตรเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าผู้เชื่อสามารถถูกอิทธิพลของผีมารควบคุมได้ (มัทธิว 16:23) บางคนเรียกคริสเตียนที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผีมารอย่างแรงถูก “ผีเข้า” แต่ในพระคัมภีร์ไม่มีตัวอย่างให้เห็นเลยว่าผู้เชื่อในพระคริสต์ถูกครอบครองโดยผีมาร และนักศาสนศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าคริสเตียนไม่สามารถถูกครอบครองโดยผีมารได้ เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตอยู่ในเขา (2 โครินธ์ 1:22; 5:5; 1 โครินธ์ 6:19)

เราไม่รู้แน่นอนว่าคน ๆ หนึ่งถูกวิญญาณชั่วเข้าครอบครองได้อย่างไร หากยกกรณีของยูดาสเป็นตัวอย่าง เราจะเห็นว่าเขาเปิดใจต่อสิ่งชั่วร้าย (ในกรณีนี้คือความละโมบ – ยอห์น 12:6) ดังนั้นจึงอาจเป็นไปได้ว่าหากคน ๆ หนึ่งยอมเปิดใจให้ความบาปบางอย่างเข้ามาจนติดเป็นนิสัย … มันก็จะกลายเป็นการเชิญชวนให้ผีมารเข้ามาครอบครองเขา จากประสบการณ์ของมิสชันนารี ดูเหมือนว่าวิญญาณชั่วสามารถเข้าครอบครองได้โดยการกราบไหว้รูปเคารพของคนนอกศาสนา และการมีสิ่งของที่ใช้เกี่ยวกับเวทย์มนต์คาถาไว้ในครอบครอง พระคัมภีร์บอกซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าการกราบไหว้รูปเคารพก็เหมือนกับการกราบไหว้ผีมารวิญญาณชั่ว (เลวีนิติ 17:7; เฉลยธรรมบัญญัติ 32:17; สดุดี 106:37; 1 โครินธ์ 10:20) ดังนั้นจึงไม่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจว่าการเกี่ยวข้องและปฏิบัติตามศาสนาเหล่านั้นสามารถนำไปสู่การเข้าครอบครองของผีมารได้

ข้าพเจ้าเชื่อโดยถือข้อพระคัมภีร์ต่าง ๆ ข้างต้นเป็นหลัก ประกอบกับประสบการณ์ของมิสชันนารีหลาย ๆ ท่าน ว่ามีคนหลายคนที่เปิดชีวิตตัวเองให้กับผีมารวิญญาณชั่วด้วยการไม่ยอมทิ้งความบาปบางอย่าง หรือโดยการเข้าไปเกี่ยวข้องกับลัทธิบางอย่าง (โดยรู้หรือไม่รู้ตัวก็ได้) ตัวอย่างคือ อาจเป็นความประพฤติที่ผิดศีลธรรม; การเสพยาเสพติด/ของมึนเมา … เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้สติสัมปชัญญะของผู้คนเปลี่ยนไป; ความดื้อรั้น, ความขมขื่น, การนั่งทางใน เป็นต้น ในวัฒนธรรมตะวันตกเราจะเห็นว่ามีการเผยแพร่ศาสนาตะวันออกมากขึ้นภายใต้ชื่อว่าศาสนานิวเอจ

มีบางอย่างที่เราต้องจำไว้ให้ดี นั่นคือซาตานและสมุนที่ชั่วร้ายของมันไม่สามารถทำอะไรใครได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากพระเจ้า (โยบ 1, 2) และด้วยเหตุนี้, ในขณะที่ซาตานคิดว่ามันกำลังทำให้ความต้องการของมันสำเร็จ, จริง ๆ แล้วมันกำลังทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จนั่นเอง … แม้กระทั่งเรื่องการทรยศของยูดาส… มีบางคนลุ่มหลงอยู่กับกิจกรรมลึกลับหรือเกี่ยวกับเวทย์มนต์คาถาซึ่งไม่ปลอดภัย การกระทำเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องฉลาดและไม่ถูกต้องตามพระคัมภีร์ หากเราติดตามพระเจ้าด้วยชีวิตของเรา สวมยุทธภัณฑ์ของพระองค์ และพึ่งพาพระกำลังของพระองค์ (ไม่ใช่ของเราเอง) (เอเฟซัส 6:10-18) เราไม่มีอะไรที่ต้องกลัวพวกวิญญาณชั่วเพราะพระเจ้าทรงครอบครองอยู่เหนือทุกสิ่ง





พระคัมภีร์พูดว่าอย่างไรเกี่ยวกับการถูกผีมารครอบงำ/โดนผีมารครอบงำ?

คริสเตียนถูกผีมารครอบงำได้ไหม?




คำถาม: คริสเตียนถูกผีมารครอบงำได้ไหม?

คำตอบ:
พระคัมภีร์ไม่ได้บอกชัดเจนว่าคริสเตียนจะถูกครอบงำโดยผีมารได้ไหม แต่เนื่องจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตอยู่ในเรา (โรม 8:9-11; 1 โครินธ์ 3:16; 6:19) จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงอนุญาตให้ผีมารเข้าครอบครองผู้ที่พระองค์ทรงสถิตอยู่ เรารู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามารถถูกโต้แย้งได้ แต่เราเชื่อมั่นคงว่าคริสเตียนไม่สามารถถูกครอบงำโดยผีมารได้ เราเชื่อว่ามีข้อแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างการถูกครอบงำกับการถูกก่อกวน/รบกวนโดยผีมาร การถูกครอบงำหมายถึงการมีอำนาจควบคุมเหนือความคิด และ/หรือการกระทำของคน ๆ นั้น (ลูกา 4:33-35; 8:27-33; มัทธิว 17:14-18) การครอบงำ/มีอิทธิพลต่อชีวิต หมายถึงผีมารหรือพวกของมันโจมตีคน ๆ นั้นฝ่ายวิญญาณ และ/หรือบังคับให้คน ๆ นั้นทำความบาป (1 เปโตร 5:8-9; ยากอบ 4:7) ท่านจะสังเกตว่าตลอดทั่วพันธสัญญาใหม่ที่พูดถึงสงครามฝ่ายวิญญาณ พระคัมภีร์ไม่เคยบอกให้เราขับวิญญาณชั่วออกจากผู้เชื่อ (เอเฟซัส 6:10-18) แต่บอกให้เราต่อสู้กับมัน (1 เปโตร 5:8-9; ยากอบ 4:7) ไม่ใช่ขับมันออกไป

ข้าพเจ้าไม่เคยมีความคิดอยู่ในสมองเลยว่าพระเจ้าจะทรงอนุญาตให้ลูก ๆ ของพระองค์ ผู้ที่พระองค์ทรงไถ่ไว้ด้วยพระโลหิตของพระคริสต์ (1 เปโตร 1:18-19) และทรงสร้างขึ้นมาใหม่ (2 โครินธ์ 5:17) – ถูกผีมารซาตานครอบงำและควบคุมได้ แน่นอน, ในฐานะผู้เชื่อ, เราขับเขี้ยวกับซาตานและสมุนของมัน แต่ไม่ใช่ภายในเรา ข้อพระคัมภีร์ 1 ยอห์น 4:4 กล่าวว่า “ลูกทั้งหลายเอ๋ย ท่านเป็นฝ่ายพระเจ้า และได้ชนะเขาเหล่านั้น เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงอยู่ในท่านทั้งหลายเป็นใหญ่กว่าผู้นั้นที่อยู่ในโลก” ใครคือผู้ที่ทรงสถิตอยู่ในเรา? พระวิญญาณบริสุทธิ์ ใครคือผู้ที่อยู่ในโลก? ซาตานและสมุนของมัน





คริสเตียนถูกผีมารครอบงำได้ไหม?

ใครคือบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าและบุตรสาวทั้งหลายของมนุษย์ในหนังสือปฐมกาล 6:1-4?




คำถาม: ใครคือบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าและบุตรสาวทั้งหลายของมนุษย์ในหนังสือปฐมกาล 6:1-4?

คำตอบ:
หนังสือปฐมกาล 6:1-4 บอกเราว่า “มนุษย์เริ่มทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน และมีบุตรหญิง บุตรชายของพระเจ้าเห็นว่าบุตรหญิงของมนุษย์งามดี ก็เลือกและรับไว้เป็นภรรยา พระเจ้าจึงตรัสว่า "วิญญาณของเราจะไม่สถิตอยู่ในมนุษย์ตลอดกาล เพราะมนุษย์เป็นแต่เนื้อหนัง อายุของเขาจะไม่เกินร้อยยี่สิบปี" ในคราวนั้นมีคนเนฟิลอยู่บนแผ่นดิน เมื่อบุตรของพระเจ้าได้สมสู่อยู่กับบุตรหญิงของมนุษย์และมีบุตร พวกนี้เป็นคนแกล้วกล้าในโบราณกาล เป็นคนมีชื่อเสียง” มีข้อชวนให้คิดหลายข้อว่าบุตรของพระเจ้าคือใคร และทำไมบุตรของพวกเขากับบุตรสาวของมนุษย์เติบโตขึ้นเป็นมนุษย์ยักษ์บนแผ่นดินโลก

มีมุมมองเบื้องต้นอยู่สามประการเกี่ยวกับคำว่า “บุตรชายทั้งหลายของพระเจ้า” 1) พวกเขาคือทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาป หรือ 2) มนุษย์ผู้มีอำนาจครอบครอง หรือ 3) ลูกหลานที่ดีของเสทแต่งงานกับลูกหลานที่ชั่วร้ายของคาอิน น้ำหนักข้อ 1 ดูจะมีมากกว่าข้ออื่นในแง่ที่ว่า เมื่อพันธสัญญาเดิมเอ่ยว่า “บุตรทั้งหลายของพระเจ้า” มันจะหมายถึงทูตสวรรค์เสมอ (โยบ 1:6; 2:1; 38:7) ปัญหาสำหรับข้อ 1 คือข้อพระคัมภีร์มัทธิว 22:30 บอกว่าทูตสวรรค์ไม่แต่งงาน พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่าทูตสวรรค์มีเพศ หรือสามารถมีลูกได้ ข้อ 2) และ ข้อ 3) ไม่มีปัญหานี้

จุดอ่อนของข้อ 2) และข้อ 3) คือ หากมนุษย์ผู้ชายแต่งงานกับมนุษย์ผู้หญิงธรรมดา ๆ ไม่มีเหตุผลว่าทำไมลูก ๆ ของพวกเขาจะกลายเป็น “มนุษย์ยักษ์” หรือ “เป็นคนมีอำนาจมาก ตั้งแต่สมัยโบราณเป็นคนมีชื่อเสียง” ไปได้ นอกจากนั้นทำไมพระเจ้าจึงทรงต้องให้เกิดน้ำท่วมโลกด้วย (ปฐมกาล 6:5-7) ในเมื่อพระองค์ไม่เคยทรงห้ามมนุษย์ผู้ชายที่เป็นคนมีอำนาจหรือลูกหลานของเสทไม่ให้แต่งงานกับมนุษย์ผู้หญิงธรรมดา ๆ หรือลูกหลานของคาอิน การพิพากษาที่จะมาถึงในหนังสือปฐมกาล 6:5-7 โยงไปถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นในข้อ 6:1-4 ดังนั้นการแต่งงานที่ลามก, วิปริต ของทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปกับมนุษย์หญิงเท่านั้นที่ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลเพียงพอว่าทำไมจึงเกิดการพิพากษาที่รุนแรงเช่นนั้น

ข้าพเจ้าเชื่อว่าข้อที่ 1) ถูกต้องที่สุด ใช่แล้วมันฟังดูเหมือน “ขัดแย้งกัน” ที่จะพูดว่าทูตสวรรค์ไม่มีเพศแล้วพูดต่อว่า “บุตรชายทั้งหลายของพระเจ้า” คือทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปผู้ที่ให้กำเนิดลูกหลานกับมนุษย์ผู้หญิง แต่ทั้ง ๆ ที่ทูตสวรรค์เป็นวิญญาณที่ไม่มีรูปร่าง (ฮีบรู 1:14) ทูตสวรรค์สามารถปรากฏรูปร่างเป็นมนุษย์ได้ (มาระโก16:5) พวกผู้ชายชาวเมืองโสดมและโกโมราห์ต้องการมีเพศสัมพันธ์กับทูตสวรรค์สององค์ที่อยู่กับโลท (ปฐมกาล 19:1-5) มันเป็นเรื่องที่มีเหตุผลพอสมควรว่าทูตสวรรค์สามารถปรากฏรูปร่างเป็นมนุษย์ได้ถึงขนาดที่สามารถเลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์ของมนุษย์ได้ – และมีลูกได้ แล้วทำไมทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปไม่ทำแบบนี้บ่อย ๆ? ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะทรงจองจำทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปที่ทำบาปที่ชั่วร้ายแบบนี้เพื่อว่าทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปอื่น ๆ จะไม่กล้าทำแบบเดียวกัน (ดังที่ได้มีบรรยายไว้ในหนังสือยูดาสข้อ 6) หนังสือในพระคัมภีร์ที่แปลมาจากภาษาฮีบรูในยุคแรก, หนังสือในพระคัมภีร์นอกสารบบ และ หนังสือปลอมที่เขียนโดยผู้เขียนที่อ้างว่าเป็นผู้เขียนตัวจริง ก็ยังเห็นพ้องต้องกันว่าทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปคือ “บุตรชายทั้งหลายของพระเจ้า” ที่หนังสือปฐมกาล 6:1-4 1 ได้พูดถึง ดังนั้นการถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงจบลง แต่มุมมองที่ว่าข้อความในหนังสือปฐมกาล 6:1-4 เกี่ยวข้องกับทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปสมสู่กับมนุษย์ผู้หญิงมีหลักเกณฑ์หนักแน่นทั้งทางด้าน เนื้อหา ไวยากรณ์และประวัติศาสตร์





ใครคือบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าและบุตรสาวทั้งหลายของมนุษย์ในหนังสือปฐมกาล 6:1-4?